พอย่างเข้าหน้าร้อน
ทุกท่านคงนึกถึงบ้านเรือนไทยสมัยก่อน ที่มีชานบ้านให้นั่งเล่นนอนเล่นคลายร้อน แต่ ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป บางท่านอาจจะไม่ชอบอยู่บ้านเรือนไทยหรือการสร้างเรือนไทยอาจจะยุ่งยาก
แต่ยังอยากได้ความเย็นสบายเหมือนเรือนไทย ก่อนเริ่มสร้างบ้านแปลงเรือน
ก็ให้คำนึงถึงสิ่งต่างๆ เลือกที่เหมาะกับภูมิประเทศของเมืองไทย
ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองร้อนชื้น และมีฝนตกชุก มาดูว่าการรับสร้างบ้านสามารถทำอย่างไรได้บ้าง
ยกพื้น
เรือนไทยหรือเรือนพื้นถิ่นสมัยก่อนมักยกพื้นบ้านสูงจากพื้นดิน ปัจจุบันการสร้างบ้านโดยทั่วไปจะสูงจากพื้นประมาณ
30 – 50 เซนติเมตร
บางบ้านกลัวปัญหาน้ำท่วมจึงยกพื้นสูงกว่านั้น คือ 1 เมตร ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น แต่ความเป็นจริงระดับที่พอเหมาะ คือ ประมาณ
60-70 เซนติเมตร หรือบันไดสัก 3-4
ขั้น โดยมีความชันในแต่ละขั้น ประมาณ 17.5 เซนติเมตร
(ลูกตั้ง) แล้วปล่อยให้ใต้ถุนโล่งลมโกรกผ่าน
ซึ่งนอกจากจะช่วยกันน้ำท่วมและความชื้นจากดินแล้ว ยังช่วยลดปัญหาเรื่องแมลง
มด ปลวก แมลงสาปและอื่นๆอีกจิปาถะ
นอกจากนี้การยกใต้ถุนสูง
เสาบ้านก็จะลอยทำให้เราเห็นแนว มด ปลวก ชัดเจน ปลวกจะกลัวแสงและกลัวความแห้ง ทำให้เราสามารถหาทางป้องกันได้โดยไม่ต้องฉีดสารเคมีกัน
มด ปลวก ที่มีพิษต่อร่างกาย
ชายคาบังแดดกันฝนได้จริง
บ้านไทยต้องมีชายคายาว แต่ระยะของชายคาที่เราเห็นจนชินตามักยื่นออกมาจากผนังอาคาร ประมาณ 50 - 60 เซนติเมตร ตัวเลขนี้ได้รับอิทธิพลจากระยะยื่นชายคาของบ้านแบบตะวันตก
ซึ่งในเมืองหนาวจะมีข้อจำกัดด้านสภาพภูมิอากาศและวัสดุ (น้ำหนักของหิมะและไม้เนื้ออ่อน)
สำหรับระยะการยื่นชายคาที่เหมาะสมของบ้านเราก็คือ 1 - 1.20 เมตร
ตัวเลขนี้เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศและวัสดุอีกเช่นกัน
ประเทศไทยตั้งอยู่ในเขตร้อนชื้น กล่าวคือมีอากาศร้อนและฝนตกชุก
จึงควรยื่นชายคาออกไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อลดความร้อนจากแสงอาทิตย์และน้ำฝนที่จะโดนผนัง
ขณะเดียวกันประเทศไทยก็โชคดีที่มีไม้เนื้อแข็ง
ซึ่งสามารถรับน้ำหนักของชายคาที่ยื่นยาว 1 - 1.20 เมตรได้โดยไม่ต้องมีค้ำยัน
ปัจจุบันยังมีวัสดุเหล็กที่มีความแข็งแกร่ง จึงทำให้ยื่นชายคาได้มากยิ่งขึ้น
ช่องว่างใต้หลังคาให้ลมผ่าน
คนสมัยโบราณคิดถึงความเป็นจริงที่ว่าอากาศร้อนลอยขึ้นสู่ที่สูง บริเวณหน้าจั่วของบ้านทรงไทยจึงมีการออกแบบให้สามารถระบายอากาศได้ เช่น
หน้าจั่วรูปดวงอาทิตย์ หน้าจั่วใบเรือ
แต่สมัยนี้การใช้หน้าจั่วลักษณะดังกล่าวอาจดูเชยและไม่เข้ากับตัวอาคาร อย่างไรก็ตามเราอาจนำแนวคิดนี้มาประยุกต์ใช้ได้
เช่น การออกแบบหลังคาสองชั้น โดยให้หลังคาชั้นล่างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กปกติ
แต่ทำหลังคาซ้อนขึ้นไปอีกชั้นหนึ่งเพื่อให้เกิดช่องอากาศใต้หลังคาทั้งสอง
เป็นการป้องกันความร้อนเข้าสู่ตัวบ้านได้เป็นอย่างดี
ครัวไทยต่างจากครัวฝรั่ง
บ้านไหนที่คิดว่าจะมีการทำอาหารแบบจริงจัง
ใช้งานหนัก ใช้งานประจำ
การออกแบบครัวแยกออกมาจากตัวบ้านเหมือนเรือนไทยสมัยก่อนเป็นสิ่งที่เหมาะสมและใช้งานได้สะดวกที่สุด
เพราะการทำอาหารไทยจะได้กลิ่นฉุนจากเครื่องปรุง หากมีการตำน้ำพริกก็ต้องใช้เคาน์เตอร์ครัวที่แข็งแรงหรืออาจตำที่พื้น
อีกทั้งเรื่องความร้อนที่เกิดจากการปรุงอาหาร
การแยกครัวออกมาจากตัวบ้านโดยอยู่ไม่ห่างกันมากนักจึงเป็นทางออกที่ดี
พื้นที่โล่งรอบบ้านสำหรับการพักผ่อน
เพื่อให้ได้ใกล้ชิดธรรมชาติ
เรายอมแลกกับความไม่สบายบางอย่าง เช่น
การเปิดพื้นที่โล่งรอบบ้านให้แสงแดดและลมเข้ามาภายในบริเวณบ้านได้
ก็อาจต้องแลกกับการมีฝนสาดเข้ามา คนสมัยก่อนเข้าใจธรรมชาติดี
บ้านเรือนไทยจึงมีการเชื่อมพื้นที่ห้องต่างๆด้วยชานโล่ง
ถือเป็นพื้นที่เปิดโล่งที่ช่วยให้บ้านเย็นสบายและน่าอยู่ หรือจะเป็นพื้นที่พักผ่อนนอกบ้านอย่างศาลาหรือแพริมน้ำ
ในยามแดดร่มลมตกก็เป็นพื้นที่ทำกิจกรรมของทุกคนในบ้านได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ยังหมายถึงการมีระยะเว้นว่างระหว่างตัวบ้าน จากห้องถึงห้อง
จากอาคารถึงอาคาร เพื่อเป็นการเพิ่มพื้นที่ผิวตัวอาคารให้สามารถระบายความร้อนออกไปได้ดีขึ้นด้วย
บ้านเรือนไทย
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น